ขั้นตอนการเลือกสวิตช์ไฟ Smart Switch
✨ สรุปขั้นตอนการเลือกสวิตช์ไฟ (Smart Wall Switch) ✨ เพื่อนๆ ที่ต้องการหรือมีความสนใจที่จะเปลี่ยนสวิตช์ไฟที่บ้านเป็น Smart Switch อาจจะเคยสงสัยหรือกำลังสงสัยอยู่ว่าจะต้องเลือกแบบไหนกันนะ ซึ่งในตลาดก็มีหลายรุ่นให้เลือก อาจจะงงและสับสนได้ วันนี้แอดจะมาสรุปให้ครับ

1. บ้านคุณมีสาย N ไหม??? สาย N หรือสาย Neutral คือสายไฟที่ไม่มีกระแสไฟ ซึ่งมีหน้าที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าครบวงจร โดยส่วนใหญ่แล้วบ้านเราจะไม่มีการเดินสาย N ทิ้งไว้ให้ที่สวิตช์ แต่หากมีแอดอยากบอกว่า “โชคดี” มากครับ ถ้าบ้านไหนมีสาย N เดินมาพร้อม จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก เพราะจะทำให้เราสามารถเลือกสวิตช์มาติดได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องเสี่ยงกับข้อจำกัดบางอย่างของสวิตช์ที่ไม่มีสาย N เช่น ไฟกระพริบ สวิตช์ Offline บ่อย เป็นต้น
➡️ เราจะเช็คได้ยังไงว่ามีสาย N ไหม??? โดยส่วนใหญ่ ถ้าบ้านที่มีการเดินสาย N มารอไว้ สามารถดูได้จากหลังสวิตช์ไฟ จะมีสายไฟเปล่า ๆ เส้นนึงที่ไม่ได้ต่อกับอะไรอยู่ (ส่วนใหญ่จะพันปลายด้วยเทปดำ) ให้เอาไขควงเช็คไฟเช็คดูว่ามีกระแสไฟไหม ถ้าเป็นสาย N ต้องไม่มีไฟขณะที่เปิดเบรกเกอร์ หากใครซื้อบ้านโครงการ ถ้าทางโครงการยังไม่ได้เดินสาย N ไว้ให้ที่สวิตช์ แนะนำลองสอบถามทางผู้รับเหมาโครงการ จะง่ายกว่าจ้างคนนอกครับ
⭐ ข้อสรุป ⭐ ถ้ามีสาย N ให้เลือกสวิตช์ที่รองรับสาย N ครับ ระหว่าง Wifi หรือ Zigbee นั้นมาดูข้อต่อไปกันครับ
2. Wifi หรือ Zigbee ดี??? สำหรับเพื่อนๆ ที่มี สาย N สามารถเลือกได้ทั้ง wifi และ zigbee
หากพูดถึงความเสถียร wifi กับ zigbee นั้นพอ ๆ กัน หากสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ ถ้าเพื่อนๆ มีอุปกรณ์เชื่อมต่อจำนวนมาก แนะนำเป็น zigbee มากกว่า เพราะจะได้ไม่ไปหน่วงสัญญาณ wifi ของเราเวลาเล่นอินเตอร์เน็ตครับ (Wifi Router แต่ละรุ่นมีจำกัดจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ หากมีจำนวนอุปกรณ์ต่อมากกว่าที่กำหนด เพื่อนๆจะไม่สามารถต่อ wifi เพื่อเล่นเน็ตได้ครับ)
ถ้าเพื่อนๆเลือก wifi ไม่จำเป็นต้องซื้อ Gateway เพิ่ม แต่ถ้าเป็น zigbee จำเป็นต้องมี Zigbee Gateway ครับ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่มีสาย N แอดมินจะแนะนำเป็นรุ่น zigbee ครับ เนื่องจากสวิตช์ zigbee มีรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องต่อ Capacitor (ตัวเก็บประจุ - เพื่อให้มีกระแสไฟมาเลี้ยงสวิตช์) หากต้องการใช้ wifi จำเป็นจะต้องต่อ Capacitor คร่อมหลอดไฟก่อนใช้ครับ (ส่วนใหญ่ต้องขึ้นไปคร่อมคาปาบนฝ้า - แนะนำให้จ้างช่างมีประสบการณ์ครับ)
⭐ ข้อสรุป ⭐ ถ้ามีสาย N สามารถเลือกได้ wifi หรือ zigbee ถ้าไม่มีสาย N แนะนำรุ่น zigbee (หากเลือก wifi ต้องต่อ capacitor เพื่อใช้งาน) ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น sensor ต่าง ๆ ซึ่งหากวางแผนจะใช้ sensor ต่างๆ เช่น PIR หรือ door sensor ร่วมด้วย จะแนะนำเป็นสัญญาณ Zigbee มากกว่าเนื่องจากอุปกรณ์ zigbee ส่วนใหญ่จะตอบสนองเร็วและกินไฟน้อยจึงทำให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่านบ่อย
⚠️ คำเตือน⚠️ หากไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนสวิตช์ แนะนำให้ช่างไฟเป็นคนดำเนินการเกี่ยวกับไฟฟ้าในบ้าน และให้ปิดเบรกเกอร์ก่อนทุกครั้งครับ